บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มีนาคม, 2019

10. อริสโตเติล (Aristotle)

รูปภาพ
10. อริสโตเติล (Aristotle) อริสโตเติล  (384 – 322 ก่อนคริสต์ศักราช) เป็นนักปรัชญาคนสำคัญในยุคกรีกโบราณ เป็นศิษย์เอกของเพลโต เป็นอาจารย์ของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ในสมัยที่อริสโตเติลมีชีวิตอยู่นั้นวิทยาศาสตร์ไม่ค่อยได้รับความสนใจเพราะผู้คนยังไม่เข้าใจว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสามารถทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นได้อย่างไร แต่อริสโตเติลสนใจศึกษาและเจนจบในหลากหลายสาขาวิชาทั้งฟิสิกส์ อภิปรัชญา จริยธรรม ชีววิทยา และสัตววิทยา เป็นผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับชีวิตสัตว์และจัดแบ่งประเภทสัตว์อย่างเป็นระบบ แม้ทฤษฎีของเขาบางอย่างที่ภายหลังได้รับการพิสูจน์ว่าผิดเช่น ความเชื่อที่ว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ซึ่งก็ต้องเข้าใจว่าในสมัยสองพันกว่าปีก่อนนั้นยังไม่มีกล้องโทรทรรศน์เลย แต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นนักสังเกตและนักคิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง โดยเฉพาะแนวคิดทางปรัชญาที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนจำนวนมาก อริสโตเติลได้รับการยกย่องว่าเป็นคนแรกที่เป็นนักวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง เป็นบิดาแห่งวิทยาศาสตร์และบิดาแห่งชีววิทยา อริสโตเติลเขียนหนังสือไว้มากมายเป็น 1,000 เล่ม แนวคิดและงานเขียนของเขามีอิทธิพลต่อผู้ค

9. อาร์คิมิดีส (Archimedes)

รูปภาพ
9. อาร์คิมิดีส (Archimedes) อาร์คิมิดีส  (287- 212 ก่อนคริสต์ศักราช) เป็นนักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ นักปรัชญา นักฟิสิกส์ และวิศวกรชาวกรีก ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบรรดานักวิทยาศาสตร์ชั้นยอดและเป็นนักคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคโบราณ อาร์คิมิดีสมีผลงานด้านวิทยาศาสตร์มากมาย เป็นผู้วางรากฐานให้แก่วิชาสถิตยศาสตร์, สถิตยศาสตร์ของไหล และกลศาสตร์ เป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมเครื่องจักรกลหลายชิ้น รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องผ่อนแรงที่ยังใช้งานอยู่จนถึงปัจจุบัน งานด้านคณิตศาสตร์อาร์คิมิดีสเป็นผู้คิดวิธีหาพื้นที่และปริมาตรของรูปทรงเรขาคณิตมากมาย อาร์คิมิดีสแสดงให้เห็นว่าค่า π (pi) มีค่ามากกว่า 223/71 แต่น้อยกว่า 22/7 ตัวเลขหลังนี้ถูกนำมาใช้เป็นค่าประมาณของ π มาตลอดจนถึงปัจจุบัน เรื่องเล่าที่รู้จักกันแพร่หลายที่สุดเกี่ยวกับอาร์คิมิดีสคือตอนที่เขาค้นพบวิธีหาปริมาตรของมงกุฎทองของพระเจ้าเฮียโรที่ 2 เพื่อพิสูจน์ว่ามีการผสมเงินเข้าไปด้วยหรือไม่ อาร์คิมิดีสค้นพบตอนที่เขากำลังอาบน้ำแล้วสังเกตเห็นว่าระดับน้ำในอ่างเพิ่มสูงขึ้นขณะเขาก้าวลงไป จึงคิดวิธีหาปริมาตรของมงกุฎโดยวิธีแทนที่น้ำได้ ซึ่งนำไปสู่การพิสู

8. ชาลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin)

รูปภาพ
8. ชาลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin)  ชาลส์ ดาร์วิน  (คศ. 1809 – 1882) เป็นนักธรรมชาติวิทยา นักธรณีวิทยา และนักชีววิทยาชาวอังกฤษ เป็นผู้ที่มีผลงานโดดเด่นในเรื่องวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ดาร์วินเป็นผู้ทำการปฏิวัติความเชื่อเดิมๆเกี่ยวกับที่มาของสิ่งมีชีวิต และเสนอทฤษฎีซึ่งเป็นทั้งรากฐานของทฤษฎีวิวัฒนาการสมัยใหม่ และหลักการพื้นฐานของกลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (natural selection) ดาร์วินอธิบายวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่ถูกกำหนดโดยธรรมชาติ ซึ่งเป็นแนวคิดที่จุดชนวนให้เกิดการโต้เถียงขึ้นในสังคมอย่างกว้างขวางจนถึงปัจจุบัน ดาร์วินสนใจเกี่ยวกับธรรมชาติตั้งแต่วัยเด็ก ชอบการทดลองเกี่ยวกับสัตว์และพืช เขาศึกษาด้านธรรมชาติวิทยามาโดยตลอด จนกระทั่งได้รับเชิญเข้าร่วมเดินทางสำรวจทางทะเลทั่วโลกกับเรือบีเกิล (HMS Beagle) เป็นเวลา 5 ปี ทำให้มีโอกาสได้เรียนรู้กับสิ่งมีชีวิตในภูมิภาคที่แตกต่างกัน เขาได้ศึกษาอย่างละเอียดและทำวิจัยเพิ่มเติมต่อเนื่อง และได้พิมพ์หนังสือชื่อ The Origin of Species (กำเนิดของสรรพชีวิต) ซึ่งเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขา ช่วงแรกมีการโต้แย้งต่อต้านผลงานของเขาอย่างมากโดยเฉพาะจาก

7. หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur)

รูปภาพ
7. หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur) หลุยส์ ปาสเตอร์  (ค.ศ. 1822 – 1895) นักเคมีและนักจุลชีววิทยาชาวฝรั่งเศส ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ในสถาบันการศึกษาหลายแห่ง เป็นผู้ที่ค้นพบว่าการเน่าเสียของอาหารเกิดจากสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่เขาเรียกว่าจุลินทรีย์ ปาสเตอร์พบว่าจุลินทรีย์ส่งผลเสียมากมายทำให้เขาทำการค้นคว้าเกี่ยวกับจุลินทรีย์อย่างต่อเนื่องจนค้นพบวิธีการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ได้ด้วยวิธีพาสเจอร์ไรส์(Pasteurization) การค้นพบนี้ทำให้สาขาวิชาจุลชีววิทยาโดดเด่นก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่อมาปาสเตอร์ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับโรคระบาดในสัตว์ และได้คิดค้นวัคซีนป้องกันโรคที่ร้ายแรงที่สุดตอนนั้นคือโรคแอนแทรกซ์ได้สำเร็จ ตามด้วยการค้นคว้าหาวัคซีนป้องกันโรคอหิวาตกโรคในไก่ แต่การค้นพบวัคซีนที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขามากที่สุดคือวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าซึ่งเป็นโรคที่ทำให้คนตายไปพอสมควร และจากการพบวัคซีนนี้ทำให้ค้นพบวัคซีนป้องกันโรคอีกมากมาย เช่น อหิวาตกโรค วัณโรค และโรคคอตีบ นับว่าเป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์เป็นอย่างมาก ปีค.ศ. 1888 ปาสเตอร์ได้ก่อตั้งสถาบันปาสเตอร์ (Pasteur Institute) ขึ้นที่กรุงปารีส จากนั้นสถาบันปา

6. ทอมัส เอดิสัน (Thomas Edison)

รูปภาพ
6. ทอมัส เอดิสัน (Thomas Edison) ทอมัส เอดิสัน  (ค.ศ. 1847 – 1931) เป็นยอดนักประดิษฐ์คนสำคัญของโลกชาวอเมริกา ผลงานของเขาหลายชิ้นได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนให้เป็นสังคมสมัยใหม่ เอดิสันเป็นตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จด้วยความอุตสาหะขยันหมั่นเพียร เขาแทบจะไม่เคยได้เรียนหนังสือในโรงเรียน แต่ทำการศึกษาค้นคว้าทดลองด้วยตัวเองตั้งแต่วัยเด็กจนถึงบั้นปลายของชีวิต เอดิสันสามารถนำเงินที่ได้จากการขายสิทธิบัตรผลงานที่เขาประดิษฐ์ได้ชิ้นแรกมาสร้างโรงงานที่มีห้องปฏิบัติการวิจัยในตัวซึ่งกลายเป็นต้นแบบของโรงงานอุตสาหกรรมสมัยใหม่ด้วยวัยเพียง 23 ปี แม้ว่าเอดิสันจะไม่ใช่คนแรกที่ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า แต่เขาเป็นผู้ที่คิดค้นพัฒนาหลอดไฟฟ้าที่ใช้งานตามบ้านเรือนได้สำเร็จ ไม่เพียงเท่านี้เขายังเป็นผู้สร้างโรงจ่ายกระแสไฟฟ้าที่เมืองนิวยอร์ก ลากสายไฟฟ้าไปทั่วเมืองให้ทุกคนมีโอกาสใช้ไฟฟ้าอย่างทั่วถึงกัน และส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เอดิสันเป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องบันทึกเสียง, เครื่องบันทึกภาพเคลื่อนไหว ซึ่งต่อมาเขาได้นำมารวมกันกลายเป็นเครื่องถ่ายทำภาพยนตร์ เขายังเป็นผู้ประดิษฐ์แบตเต

5. มารี คูรี (Marie Curie)

รูปภาพ
5. มารี คูรี (Marie Curie) มารี คูรี  (ค.ศ. 1867 – 1934) นักฟิสิกส์และนักเคมีชาวโปแลนด์ เป็นผู้บุกเบิกงานวิจัยด้านกัมมันตภาพรังสีและเป็นผู้ค้นพบธาตุเรเดียมที่ใช้รักษาโรคมะเร็งที่ทำให้คนตายเป็นอันดับหนึ่งมาทุกยุคสมัย เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รางวัลโนเบล เป็นคนแรกและผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ได้รางวัลโนเบล 2 ครั้ง และเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รางวัลโนเบลด้านวิทยาศาสตร์ 2 สาขา มารี คูรีเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่เก่งที่สุดและได้รับการยกย่องมากที่สุดในโลก แม้จะขัดสนเรื่องการเงินและถูกกีดกันจากการเป็นผู้หญิง มารีได้ต่อสู้ดิ้นรนโดยหยุดเรียนเพื่อทำงานส่งให้พี่สาวของเธอเรียนจนจบก่อน แล้วให้พี่สาวส่งเธอเรียนด้านฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ที่กรุงปารีสตามที่เธอตั้งใจ มารีเริ่มค้นคว้าด้านกัมมันตภาพรังสีร่วมกับสามีคือปิแอร์ คูรีจนค้นพบว่ามีพลังงานถูกปล่อยออกมาจากแร่พิตช์เบลนด์ และได้พยายามแยกธาตุใหม่ออกจากแร่พิตช์เบลนด์ หลังจากใช้เวลาค้นคว้าราว 7 ปีเธอก็สามารถแยกธาตุใหม่ที่เธอเรียกว่าเรเดียมได้สำเร็จ ผลงานนี้ทำให้มารีและสามีได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ หลังจากปิแอร์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ มารียังคงมุ่งมั่นค้นคว้าต่

4. นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla)

รูปภาพ
4. นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) นิโคลา เทสลา  (ค.ศ. 1856 – 1943) เป็นนักประดิษฐ์ นักฟิสิกส์ และวิศวกรไฟฟ้าชาวเซอร์เบียน-อเมริกัน เป็นผู้สร้างนวัตกรรมล้ำยุคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง สิทธิบัตรของเทสลาและผลงานเชิงทฤษฎีของเขากลายเป็นพื้นฐานของระบบไฟฟ้ากระแสสลับที่ใช้งานทั่วโลกในปัจจุบันได้แก่ ระบบจ่ายกำลังหลายเฟส และมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ เป็นผู้ประดิษฐ์และค้นพบเทคโนโลยีใหม่มากมาย เช่น ขดลวดเทสลา (Tesla coil) เครื่องวัดความเร็วติดรถยนต์ เครื่องกระจายเสียงผ่านวิทยุ วิธีการเปลี่ยนสนามแม่เหล็กเป็นสนามไฟฟ้าซึ่งเป็นที่มาของหน่วยวัดสนามแม่เหล็กเทสลาซึ่งวิศวกรรุ่นหลังตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา นอกจากนี้เขายังได้ศึกษาค้นคว้าเทคโนโลยีล้ำยุคเรื่องการส่งผ่านพลังงานแบบไร้สายหรือเทคโนโลยี wireless ที่ปัจจุบันกำลังเฟื่องฟู เทสลาเป็นนักประดิษฐ์ยุคเดียวกันเอดิสันแถมยังเป็นคู่แข่งกัน เอดิสันสนับสนุนการใช้ไฟฟ้ากระแสตรงส่วนเทสลาพัฒนาไฟฟ้ากระแสสลับจนถึงกับเกิดสงครามกระแสไฟฟ้า (War of Currents) ซึ่งส่งผลต่ออุตสาหกรรมในยุคนั้นอย่างมาก เทสลามีแนวคิดล้ำยุคมีจินตนาการก้าวไกลเกินกว่าผู้คนยุคเดียวกันมาก เช่น เ

3. กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei)

รูปภาพ
3. กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei) กาลิเลโอ กาลิเลอี  (ค.ศ. 1564 – 1642) นักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ และนักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีผู้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิวัติวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เป็นคนแรกที่นำคณิตศาสตร์และการทดลองมาใช้เป็นเครื่องมือในการพิสูจน์กฎเกณฑ์ทางธรรมชาติอย่างเป็นระบบอันเป็นรากฐานของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน กาลิเลโอค้นพบและสร้างกฎเพนดูลัม (Pendulum) หรือกฎการแกว่งของนาฬิกาลูกตุ้มที่นำไปสู่การสร้างนาฬิกาให้เที่ยงตรง เขาได้ทดลองปล่อยวัตถุสองอย่างที่มวลไม่เท่ากันจากหอเอนปีซาแต่ตกถึงพื้นพร้อมกันที่ทุกคนจำได้ดี กาลิเลโอประดิษฐ์และพัฒนากล้องโทรทรรศน์ให้สามารถส่องดูดวงดาวได้อย่างชัดเจน กาลิเลโอพบว่าผิวดวงจันทร์ขรุขระมีภูเขาและหุบเหว พบว่าทางช้างเผือกอัดแน่นไปด้วยดาวฤกษ์จำนวนมาก พบวงแหวนของดาวเสาร์ พบจุดดับบนดวงอาทิตย์ พบดวงจันทร์บริวารสำคัญของดาวพฤหัสบดี 4 ดวง และจากการเฝ้าสังเกตการณ์ดวงจันทร์ของดาวพฤหัสบดีนี่เองที่ทำให้กาลิเลโอพิสูจน์ได้ว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ การค้นพบว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์สนับสนุนทฤษฎีของโคเปอร์นิคัสที่เสนอให้ดวงอาทิตย์เป็นจุดศูนย์กลางของจักรว

2. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)

รูปภาพ
2. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์  (ค.ศ. 1879 – 1955) นักฟิสิกส์ทฤษฎีชาวเยอรมันเชื้อสายยิวถือสัญชาติสวิสและอเมริกัน เป็นผู้คิดค้นทฤษฎีสัมพัทธภาพหนึ่งในสองเสาหลักของฟิสิกส์สมัยใหม่ร่วมกับกลศาสตร์ควอนตัม เขาเป็นเจ้าของสูตรที่โด่งดังที่สุดในโลก E = mc 2  ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์จากการอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกและจากการทำประโยชน์แก่ฟิสิกส์ทฤษฎี หลังจากที่ไอน์สไตน์ค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปในปีค.ศ. 1915 เขาก็กลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยธรรมดานักสำหรับนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง เขาเป็นที่เคารพนับถือในความรู้แจ้งเห็นจริงในจักรวาลซึ่งช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก กลายเป็นแบบอย่างและสัญลักษณ์ของความฉลาดหรือความอัจฉริยะ ดังคำที่มีผู้ยกย่องเขาว่า “ไอน์สไตน์มีความหมายเดียวกันกับอัจฉริยะ” ไอน์สไตน์ถือว่าเป็นผู้ที่เรียนรู้ได้ช้าเนื่องจากมีความบกพร่องทางการอ่านเขียน (Dyslexia) แต่เขากลับบอกว่าการพัฒนาทฤษฎีของเขาเป็นผลมาจากความเชื่องช้านี่เอง เพราะเขามีเวลาครุ่นคิดถึงอวกาศและเวลามากกว่าเด็กคนอื่น ในช่วงเริ่มต้นทำงานวิจัยไอน์สไต

1. ไอแซก นิวตัน (Isaac Newton)

รูปภาพ
1. ไอแซก นิวตัน (Isaac Newton) ไอแซก นิวตัน  (ค.ศ. 1642 – 1727) นักฟิสิกส์ นักคณิตศาสตร์ และนักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษผู้ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดตลอดกาลและมีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ หนังสือเล่มสำคัญของเขาที่ชื่อ Mathematical Principles of Natural Philosophy คือหนังสือที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ นิวตันได้คิดค้นกฎการเคลื่อนที่และกฎแรงโน้มถ่วงซึ่งเป็นกฎทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นเสาหลักของการศึกษาจักรวาลทางกายภาพตลอดมา นิวตันแสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนที่ของวัตถุบนโลกและวัตถุบนท้องฟ้าล้วนอยู่ภายใต้กฎธรรมชาติเดียวกัน นิวตันยังเป็นผู้สร้างกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงที่สามารถใช้งานจริงได้เป็นเครื่องแรก เป็นผู้พัฒนาทฤษฎีสี ค้นพบสเปกตรัมแสง คิดค้นกฎการเย็นตัว และศึกษาความเร็วของเสียง ผลงานของเขาช่วยให้การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น นิวตันให้กำเนิดวิชาคณิตศาสตร์แขนงใหม่หลายเรื่องด้วยกันได้แก่วิชาแคลคูลัส (Calculus) ที่ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อแคลคูลัสเชิงอินทิกรัล (Integral Calculus) นิวตันยังค้นพบทฤษฎีบททวินาม